โฆษณาต่อต้านคอรัปชั่น

วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2555

ซาฟารีเวิลด์

ซาฟารีเวิลด์ ตอนที่ 1 มารีน ปาร์ค (Marine Park)





หลังจากที่โดนหลาน ๆ รบเร้าให้พาไปดูช้าง ดูยีราฟ หรือ อูฐ แล้ว ในที่สุดก็ได้ฤกษ์งามยามดีไปเที่ยวซาฟารีเวิลด์กันซักที ทริปนี้มีสมาชิกทั้งสิ้น 5 คนด้วยกัน เราเริ่มออกเดินทางตอน 8.30 น. วิ่งไปตามเส้นถนนกาญจนาภิเษก ออกตรงถนนรามอินทรา ยูเทริน เข้าถนนคู้บอน และก็ตามระเบียบหลงทางอีกแล้ว ตอนที่สำรวจเส้นทางจากอากู๋ ก็ระบุว่าจากคู้บอนให้เข้าถนนเลียบคลองสอง แต่หลังจากที่เห็นป้ายใหญ่จากถนนรามอินทราว่าไปซาฟารีเวิลด์ให้เลี้ยวซ้าย เราก็เลี้ยว หลังจากนั้นก็ขับตรงไปเรื่อย ๆ คอยมองหาป้ายบอกทางไปซาฟารีเวิลด์ แต่ก็ไม่เห็น ก็ตรงไปเรื่อย ๆ พอมาถึงถนนเลียบคลองสอง เราก็ไม่แน่ใจว่าตรงหรือเลี้ยวดี เพราะมันไม่มีป้ายบอกว่าให้เลี้ยวเลย แล้วจากการถามเพื่อนผู้เป็นเจ้าถิ่นทางโทรศัพท์ก็แจ้งว่า ให้ตรงไป เราก็เชื่อค่ะ (เชื่อคนง่ายค่ะ) แต่ยิ่งขับไป เราก็ว่ามันไม่น่าจะใช่แล้วมั้ง มันไม่ค่อยคุ้นเหมือนตอนมาคราวก่อนเลย (พอดีว่าทางไปซาฟารีเวิลด์มันมีสองทางคือทางที่ผ่านแฟชั่นไอล์แลนด์ กับทางถนนคู้บอน เพื่อนเข้าใจว่าเรามาทางแฟชั่นไอล์แลนด์ก็เลยบอกผิด) เราเลยตัดสินใจกลับรถ แล้วเข้าไปที่ถนนเลียบคลองสอง ในที่สุดเราก็มาถูกทางค่ะ หลังจากที่ขับเข้ามาที่ถนนเลียบทางด่วนประมาณ 2-3 กิโล เราก็เห็นทางเข้าขนาดใหญ่ของซาฟารีเวิลด์อยู่ทางซ้ายมือ เรามาถึงซาฟารีเวิลด์เวลา 9.50 น.



รูปแผนที่ค่อนข้างมืดนะคะ เพราะถ่ายตอนกลางคืน เป็นภาพแผนที่จากโบชัวร์ที่ได้มาค่ะ มันค่อนข้างเล็ก

ที่ซาฟารีเวิลด์มี 2 ส่วนให้เลือกเข้า คือมารีน ปาร์ค (Marine Park) ซึ่งจะเป็นส่วนของการแสดงของสัตว์ต่าง ๆ กับซาฟารี ปาร์ค (Safari Park) เป็นบริเวณที่เราสามารถขับรถเข้าไปได้ แต่ต้องห้ามลงจากรถเท่านั้น

คณะเราตัดสินใจเข้ามารีน ปาร์คก่อน เนื่องจากคราวก่อนเราเคยเข้าซาฟารี ปาร์คก่อน แล้วต้องรีบดูรีบถ่ายรูปเพราะต้องรีบไปดูโชว์ที่มารีนปาร์คต่อ ดังนั้นคราวนี้เราเลยเข้ามารีน ปาร์คก่อนเลย

พอหาที่จอดรถได้เราก็รีบไปซื้อบัตรเข้า แต่พระเจ้า...ทำไมคนมันเยอะอย่างนี้ วันนี้เป็นวันอะไรเนี่ยทำไมมีแต่นักเรียนมาทัศนศึกษาหลายคันรถบัส แล้วยังมีทัวร์ของนักท่องเที่ยวต่างชาติอีก .... แต่มาแล้วไม่มีทางเลือกไปซื้อบัตรผ่านประตูก่อน

ทริปนี้เสียค่าบัตรผ่านสำหรับผู้ใหญ่ 3 คนและเด็กอีก 1 คน รวมเป็นค่าเสียหายทั้งสิ้น 1,970 บาท สำหรับค่าบัตรเข้าทั้งซาฟารี ปาร์ค และ มารีน ปาร์ค (หลานอีกคนหนึ่งสูงไม่ถึง 100 ซ.ม. เลยไม่ต้องเสียเงิน)

ค่าบัตรผ่านผู้ใหญ่จะแบ่งเป็นซาฟารีปาร์ค 210 บาท มารีนปาร์ค 250 บาท และ โชว์ 70 บาท เป็นเงิน 530 บาทต่อคน
ค่าบัตรผ่านของเด็กแบ่งเป็นซาฟารีปาร์ค 155 บาท มารีนปาร์ค 190 บาท และ โชว์ 35 บาท เป็นเงิน 380 บาทต่อคน

ตอนซื้อบัตรผ่านเจ้าหน้าที่ถามเราว่าต้องการเข้าดูโชว์ด้วยหรือไม่ เรางงเหมือนกันว่าจะถามทำไม ในเมื่อไม่มีการตรวจบัตรตอนที่เข้าชมการแสดงของแต่ละโชว์ ถ้าเราบอกว่าไม่ดู แล้วเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าเราไม่ได้เข้าจริง ๆ .... อย่างนี้ถ้าบอกว่าไม่ดูก็สามารถประหยัดได้อีกหลายบาทน่ะเนี่ย (ตั้ง 245 บาท)

หลังจากจ่ายเงินไป เจ้าหน้าที่ก็ให้หนังสือแนะนำซาฟารีเวิลด์ แผนที่ภายในซาฟารี และ โบชัวร์ highlight จุดสำคัญของซาฟารี



จากรูป จริง ๆ แล้วหลานชายคนเล็กยังสูงไม่ถึง 100 ซ.ม. แต่เนื่องจากมุมกล้องทำให้ดูเหมือนสูงเกิน ... แล้วเราก็เริ่มการผจญภัยเพื่อแย่งชิงเก้าอี้นั่งดูโชว์กัน ณ บัดนี้

ก่อนเข้าผ่านประดูจะเป็นจุดถ่ายรูปด้านหน้า





หลังจากวอร์มอัฟจากการถ่ายรูปด้านหน้าแล้ว เราก็เข้าไปข้างใน สิ่งแรกที่เราเห็นคือ มาคอว์แลนด์ แต่เรายังไม่ถ่ายรูปตรงนี้ค่ะ เพราะเราต้องรีบไปดูการแสดงแรกซึ่งจะเริ่มในเวลา 10.20 น. ต้องรีบทำเวลา แต่ระหว่างทางผ่านเราก็เจอจุดที่น่าสนใจในการถ่ายรูป และที่สำคัญนายแบบ นางแบบเรามาเองค่ะ ดังนันผ่านไม่ได้ ต้องถ่ายกันก่อน ซึ่งก็ต้องแย่งกันถ่ายกับทั่งจากสมาชิกในทริปของเราเอง และกับคนอื่น ๆ ค่ะ



เฮ้อ...จะไม่ใส่ชุดนี้มาเที่ยวอีกแล้ว อ้วนมากกกกกกกก โปรแกรม Photo Shop หายไปไหนนนนนนนนน ต้องจำใส่ใจไว้ว่า ต้องเสื้อผ้าสีเข้ม ๆ เท่านั้น

ต้องรีบไปจองที่นั่งแล้วค่ะ ได้เวลาแล้ว



จากที่ดูโชว์มาคิดว่าโชว์ลิงอุรังอุตังสนุกที่สุดแล้วค่ะ เหล่าคุณลิงแสดงได้ตลกมาก จนเราไม่มีแก่ใจจะถ่ายรูปเลย มัวแต่นั่งหัวเราะ เลยได้ภาพมาแค่ไม่กี่ภาพ



จริงแล้วตัวเอกลงมาแล้วรอบหนึ่ง แต่ถ่ายไม่ทันเพราะลงมาโดยไม่รู้ตัวกันเลย ดีว่าจับกล้องไปที่เจ้าตัวนี้ทัน แต่ก็เกือบไปเหมือนกัน



ส่วนสามสาวนี้ก็แดนเซอร์ค่ะ เต้นกระจายกันเหมือนกัน น่ารักมาก



ภาพระหว่างทางไปดูโชว์ที่สองค่ะ นายแบบนางแบบของเราต้องพร้อมเสมอค่ะ ได้จังหวะเมื่อไรต้องโพสท่าทันทีค่ะ ช้าไม่ได้ (ภาพหลังจากย่อขนาดแล้วมันเหมือนไม่ค่อยชัดเลยทั้ง ๆ ที่ภาพต้นฉบับชัดมาก



อยากถ่ายแบบแบบไม่เห็นตาข่ายจัง เคยอ่านในบทความของท่านหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องการถ่ายภาพโดยไม่ให้เห็นตาข่าย โดยการโฟกัสไปที่ตัวสัตว์ที่อยู่ในกรง เพื่อเบลอด้านหน้า จนไม่เห็นตาข่าย แต่ไม่แน่ใจว่าต้องเป็นกล้องแบบ DSLR อย่างเดียวถึงทำได้หรือเปล่า กล้องเราเป็น Canon PowerShot G12 (น่าจะจัดอยู่ในประเภทกล้องดิจิตอลแบบพกพาสำหรับนักถ่ายภาพกึ่งมืออาชีพ) ถ้าใครมีวิธีถ่ายแบบนั้นช่วยแนะนำด้วยนะคะ จะเป็นพระคุณอย่างสูง 

จริง ๆ แล้วในกรงเสืออันนี้เขาจะมีคล้าย ๆ โดมโปร่งแสงที่ต้องเดินรอดเข้าไปข้างใต้แล้วไปโผล่ที่โดมที่อยู่ตรงกลางของกรงเสือเลย เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ดูเสืออย่างใกล้ ๆ แต่สงสัยเราจะไม่มีโชคเพราะคนรอเข้าเยอะมาก จนเรารอไม่ได้ เพราะโชว์ถัดไปกำลังจะเริ่ม...

โชว์ต่อไปเป็นโชว์สิงโตทะเล (Sea Lion Show) ซึ่งจะเริ่มเวลา 11.00 น. และไม่มีโชว์ไหนแสดงตรงกันอีก ดังนั้นนักท่องเที่ยวน่าจะมุ่งตรงไปที่โชว์นี้เยอะมาก เราต้องรีบจรลีด่วนเลยค่ะ

แต่สัญชาตญาณของนายแบบและนางแบบของเราก็ยังไม่ยอมง่าย ๆ ค่ะ พอเห็นจุดที่น่าสนใจ ก็ตรงดิ่งเข้าไปถ่ายกันก่อนเลยค่ะ ... ที่ที่เราเข้าไปเป็นพื้นที่ใช้เลี้ยงกวางค่ะ แวะถ่ายรูปกันก่อนนะคะ







ภาพข้างบนนี้ไม่ได้เจอเงินตกหรือของมีค่าอะไรนะคะ แต่หลาน ๆ กำลังหาเศษหญ้าที่ตกข้างรั้วค่ะ จะเอาไปป้อนกวาง



เออ...ทำไมรูปสิงโตทะเลของเรามันมีแค่รูปเดียวหล่ะ แถมไม่ค่อยชัดด้วย...โทษทีนะคะ พอดีว่าไปช้าไปหน่อยเลยได้ที่นั่งที่อยู่ค่อนข้างไกลและสูง พอใช้ซูมแล้วภาพมันไม่ค่อยชัด มีความหยาบมากไป เลยไม่อยากถ่าย ถ้าถ่ายออกมาโดยใช้ซูมน้อย ภาพก็จะดูไกล ๆ มองเห็นสิงโตทะเลเป็นจุดเล็ก ๆ เลยไม่อยากถ่าย

จบจากสิงโตทะเลก็เเป็นโชว์ช้าง กับคาวบอยสตั้นท์ ที่เวลาในการแสดงตรงกัน แต่เราพาเด็กมาด้วย และหลาน ๆ ก็อยากดูโชว์ช้างมากกว่า เลยตัดสินใจไปดูโชว์ช้างกันค่ะ



ระหว่างทางก็ตามคอนเซ็ปต์ค่ะ ถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ นางแบบโพสท่าเตรียมเราก็จัดให้





แต่ขอบอกสถานที่ตั้งโชว์ช้างเหมือนอยู่ในเมืองลับแลเลย หายากมาก แถมป้ายบอกทางก็บอกแบบงง ๆ หรือมันชี้ทางผิด

เราพยายามเดินตามลูกศรที่บอกทาง ป้ายให้เราเลี้ยวซ้ายเราก็เลี้ยว พอเดินมาได้ซักพัก เราก็ได้ยินฝรั่งพูดทำนองว่า มาผิดทาง ทำไมป้ายให้เดินมาทางนี้แล้ว พอมาเจออีกป้ายดันบอกให้เดินกลับไปทางเก่า เมื่อได้ยินดังนั้น อย่ากระนั้นเลย เราก็ต้องรีบพิสูจน์ ไปดูที่ป้ายด้านหน้า แล้วจริงตามนั้น ป้ายมันให้กลับไปทางเก่า เกิดอะไรขึ้นนนนนนน

สุดท้ายเราก็ต้องใช้วิธีเปิดแผนที่ที่เขาให้มา แล้วเราก็พบว่าเราควรจะเดินกลับไปที่จุดที่มีการแสดงโชว์ลิงอุรังอุตัง ดังนั้นเราก็ต้องหาป้ายบอกทางไปหาลิงค่ะ ตามลิงไปเดี๋ยวก็เจอช้างเอง...

ระหว่างทางก็เจอคนอื่นเข้ามาถามทางไปดูโชว์ช้าง น่าจะหลงเหมือนเรา 

ในที่สุดเราก็เจอสถานที่แสดงช้างงงงงงงงงง แต่คนดูไม่ค่อยเยอะเลย มีคนนั่งอยู่ไม่กี่แถว หรือเขาหลงทางกันหมด..... ฮุ ๆ ๆ คงไม่หรอก ส่วนใหญ่น่าจะไปดูโชว์คาวบอยสตั้นท์กันซะมากกว่า ที่มาดูช้างจะเป็นพวกที่พาเด็กมาด้วย



เออ.... สองตัวด้านข้างนี่ นั่งไม่ค่อยสุภาพเลยอ่ะ





ส่วนใหญ่การแสดงของช้างจะค่อนข้างเหมือนกันในหลาย ๆ ที่ท่องเที่ยวก็เลยรู้สึกไม่ค่อยตื่นตาตื่นใจสำหรับเราเท่าไร



แต่ก็น่าทึ่งน่ะ ที่คนฝึกเขาสามารถสอนให้ช้างวาดรูปได้





ภาพแมวน้ำตั้งกล้องนานมากค่ะ เพราะน้องแมวน้ำไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองกล้องเลย เกือบถอดใจแล้วเหมือนกัน แต่ในที่สุดก็ยอมเงยขึ้นมา 

ต่อไปถึงคิวน้องยีราฟแล้วค่ะ จุดมุ่งหมายอึกอย่างของหลาน ๆ คือมาดูยีราฟ







ลิ้นยีราฟยาวมากค่ะ ขอบอก แล้วมันยังออกสีดำ ๆ ด้วย พอหลานให้อาหารยีราฟตัวนี้แล้ว ไม่กล้าให้อีกเลยค่ะ เลยต้องเป็นภาระให้คุณน้า ป้อนอาหารยีราฟทั้งหมดเอง  ไม่ค่อยอยากจะบอกเลยว่า จริง ๆ แล้วคุณน้าเองก็แหยง ๆ เหมือนกัน แต่สปิริตสูงค่ะ ในเมื่อเสียเงิน 50 บาทเพื่อซื้ออาหารมาเลี้ยงน้องยีราฟแล้วก็ต้องป้อนให้หมดค่ะ อาหารในถังที่ได้มาจะมี กล้วยกับมันเทศลูกเล็ก ๆ





หมวกยีราฟใบนี้สนุนราคาอยู่ที่ 375 บาทถ้วนค่ะ ตอนที่จะซื้อก็ไม่คิดว่าราคามันจะถึงขนาดนี้ คิดว่าน่าจะอยู่ที่สองร้อยกว่าบาท แต่เรียกเขามาแล้ว และเขาก็รีบหยิบออกมาให้เรียบร้อยเลย ก็เกิดอาการเกรงใจชนิดน้ำตาตกใน เพราะมันค่อนข้างแพง และโอกาสใช้ไม่ค่อยมี แต่มันก็น่ารักดี (ปลอบใจตัวเอง) ถือเป็นของที่ระลึกแล้วกัน



คุณหลานเริ่มหมดสภาพแล้ว และก็เที่ยงแล้วด้วย ไปหาของกินกันดีกว่า







สะพานข้ามไปตรงที่ทานอาหาร อาหารของที่นี่ค่อนข้างแพง เรากินก๊วยเตี๋ยวเรือ ชามละ 55 บาท ส้มตำ 50 บาท กาแฟเย็น 35 บาท น้ำเปล่าราคาก็แพงโดยเฉพาะไอศครีม หลาน ๆ อยากกินไอศครีมโคนช๊อคโกเลต เราสั่งให้คนละโคน ตอนนั้นไม่ได้ดูราคา พอสั่งเสร็จถามว่าเท่าไร พอได้ยินคนขายบอกว่า 120 บาท เราเนี่ยอึ้งเลย เพราะไอศครีมที่เขาตักให้มันลูกเล็กมาก ๆ ไม่เหมาะสมกับราคาเลย แต่ก็เข้าใจแหละว่าถ้าคิดจะมาเที่ยวลักษณะนี้ต้องทำใจเรื่องราคาของที่ขาย เพราะมันต้องแพง แต่ไม่คิดว่าจะแพงอย่างนี้ รวมของทุกคนก็ประมาณ 500 บาท ทางซาฟารีเวิลด์เตรียมบริเวณที่ขายอาหารหลายจุด มีทั้ง Buffet กับ Food court เรากินที่ Food court





สองภาพด้านบนจะอยู่ในมินิเวิลด์ (Mini World) อยู่ติดกับที่ทานอาหาร

ในที่สุดก็ถึงโชว์สุดท้ายที่เราตั้งใจจะดูก่อนที่จะไปที่ซาฟารี ปาร์คกันต่อ นั่นคือการแสดงของปลาโลมา ก่อนเข้าก็ถ่ายรูปด้านหน้าก่อน







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น